ไบร์ท นรภัทร ย้อนเล่าชีวิตสุดเหวี่ยง เกเรขั้นสุด โดนรุม 10 ต่อ 1 เย็บ 17 เข็ม

ไบร์ท นรภัทร ย้อนเล่าชีวิตสุดเหวี่ยง เกเรขั้นสุด โดนรุม 10 ต่อ 1 เย็บ 17 เข็ม

นักแสดงสุดฮอตจากช่องวัน31 อย่าง ไบร์ท นรภัทร ที่วันนี้จะมาเปิดชีวิตสุดเหวี่ยงในอดีตเกเรขั้นสุด โดดเรียน โดนรุมกระทืบ 10 ต่อ 1 หวิดโดนไล่ออก เสี่ยงตายนับครั้งไม่ถ้วน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ที่มีธัญญ่า ธัญญาเรศ, อาจารย์เป็นหนึ่ง และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ตั้งแต่เด็กเป็นหนุ่มที่เกเรมาก?

ไบร์ท : มันเป็นแค่ช่วงวัยนึงตอนเด็กของเรา เป็นฟิลเด็กผู้ชายเลย ช่วงประถมเป็นคนเล่นแรง ขี้แกล้ง ขี้หยอก สมัยนั้นมันยังไม่มีคำว่าบูลลี่ออกมา มันไม่ดีหรอก แต่สมัยก่อนเราชอบแกล้ง ชอบหยอกคน

การแกล้งหลายคนจะมองแบบหยิกเพื่อน แต่เราเอาประทัดมาจุด เอาน้ำมันมาราด มันคืออะไร?

ไบร์ท : เป็นตอนมัธยมแล้วครับ เด็กผู้ชายเล่นกัน เอาน้ำมันกระป๋องมาฉัดเล่น ฉีดใส่โต๊ะ ใส่เสื้อ ใส่เก้าอี้ แล้วจุดไฟใส่แล้วไฟลุก ตอนนั้นแค่เล่นกันไม่มีอะไร

แล้วประทัดไปจุดใส่ใคร?

ไบร์ท : ตอนนั้นเป็นช่วง ม.ต้น ที่โดนห้องปกครอง คือโรงเรียนผมตึกนึงมี9ชั้น เราอยู่ชั้น9 แล้วจุดประทัดโยนลงไปข้างล่าง คือมันไม่โดนคนหรอก แต่คนที่อยู่หน้าห้องตกใจ

ในโรงเรียนเราเป็นหัวโจกไหม?

ไบร์ท : ไม่ขนาดนั้น มีแสบกว่าผมเยอะครับ ก็ถือว่าเป็นประสบการชีวิตที่ดีครับผม

ติดทัณฑ์บนด้วย?

ไบร์ท : ผมว่ามันเรื่องปกตินะ เหมือนโดนตักเตือนฟิลนั้น ผมโดนครั้งแรกตอน ม.1 อันนั้นโดนเตือนรอบแรก เพิ่งเข้าโรงเรียนได้อาทิตย์แรกเอง แล้วไปทะเลาะกับใครก็ไม่รู้

พ่อแม่ว่ายังไง?

ไบร์ท : ถ้าเรื่องไม่ได้ใหญ่มาก เขาก็ไม่ได้อะไร เขาก็เป็นห่วงเรานั้นแหละ ผมว่าเด็กผู้ชายช่วงอายุ 14-18 ไม่ฟังพ่อ แม่หรอก วัยรุ่ยอยู่แต่กับเพื่อน เป็นวัยที่คิดว่ามีความคิดเป็นของตัวเองสูง แล้วค่อนข้างดื้อ ไม่ฟังใคร เคยมีแบบว่าแม่ไปส่งที่โรงเรียนตอน 8 โมง พอ 9 โมง แม่มาห้องปกครองเลย ก็เป็นเด็กเกเรสมัยก่อน แอบสูบบุหรี่บ้าง ต่อให้ผมเละเทะเกเรแต่ว่าเรียนคนละเรื่องกัน ไม่ได้หมายความว่าผมเกเรแล้วผมไม่เรียน ผมเรียนดีมากๆ ตลอด

เห็นว่าติดทัณฑ์บน แต่รอดมาได้เพราะน้ำท่วมช่วยชีวิต?

ไบร์ท : ช่วง ม.ต้นครับ มันไม่ได้ร้ายแรงมากไม่ถึงขั้นไล่ออก มันจะเป็นใบเขียนไว้ 1-3 ใบอะไรแบบนี้ ทีนี้ปี 54 ผมอยู่ม.2 น้ำท่วม ห้องปกครองอยู่ชั้นล่างใบหายหมดเลย

เรื่องชกต่อย เราเริ่มมีตอนอายุเท่าไหร่?

ไบร์ท : ช่วง ม.ต้นแหละครับ มันก็มีมาเรื่อยๆ แต่ไม่ถึงขั้นจะเอากันให้ตาย แต่มันก็มีความแบบเอาจริง เอาจังสูง แต่ถ้าเป็น ม.ปลาย เริ่มหนัก ม.ปลาย จะเริ่มเป็นแบบข้ามรุ่นบ้างแล้ว ตอนเด็กๆ เราอาจจะทะเลาะกันเองกับเพื่อนห้องข้างๆ  แต่พอม.ปลาย มันจะเริ่มข้ามรุ่นแล้ว เริ่มข้ามไปโรงเรียนอื่น เริ่มใหญ่ขึ้น ไม่ใช่แค่เด็กต่อยกัน มันเริ่มมีมีด ปืน ระเบิดเข้ามาเกี่ยวแล้ว

โดยส่วนใหญ่เป็นผู้นำหรือผู้ตาม?

ไบร์ท : เมื่อก่อนผมเป็นคนค่อนข้างคิดเร็ว ทำเร็ว ใจร้อน มักจะเป็นตัวเริ่ม

เห็นว่ามีรถมอเตอร์ไซค์มาหน้าบ้านเป็น 10 คัน?

ไบร์ท : ไม่ถึงครับ น่าจะ 7-8 คัน อันนี้มันเป็นเรื่องของเด็กนอกโรงเรียน คือคนที่ไม่เรียนหนังสือแล้ว ที่มาจำไม่ได้แล้วเรื่องของรุ่นน้องอะไรสักอย่าง แต่มันเลยเถิดมา คือถิ่นเขาอยู่ในหมู่บ้านผม ก่อนหน้านั้นผมทำเขาไว้แสบ พอเขาเห็นผมกลับบ้าน เขาด็ตามมาเป็นโขยง ตอนนั้นก็ตกใจ มาถึงบ้าน เราโกรธมาก พ่อ แม่ก็อยู่ที่บ้าน แต่ก็ไม่มีอะไรคนแถวนั้นก็ช่วยไล่ออกไป หลังจากนั้นเพื่อนๆ ก็ยกพวกมาส่งผมที่บ้าน

เกือบโดนแทงกลางห้างคืออะไร?

ไบร์ท : ผมไม่รู้ว่าเขาอินอะไรกัน จะมีเด็กอยู่บางประเภทที่ชอบตบของคนอื่น แบบเหมือนได้แล้วกูพิชิตโรงเรียนนี้แล้วแล้วเพื่อนเราเป็นเพื่อนในห้องที่ไม่ได้ก้าวร้าว ไม่ได้อะไร เป็นคนปกติเฮฮา ปาร์ตี้ พอมาโดนอย่างนั้นเราเลยโกรธมาทำแบบนี้กับเพื่อนทำไม เราไม่อยากให้เพื่อนโดน แบบนัดเพื่อนเราไปจบพวกมันที่ห้างไหม

แล้วเรามีอาวุธอะไรไปไหม?

ไบร์ท : ไม่มีเลย เข้าห้างใครจะไปคิดว่าจะมี คือเขาเป็นกางเกงยีนส์ขายาว แล้วเป็นมีดอันเท่านี้เอง แล้วเหมือนเขาผูกเชือกไว้ แล้วเขาซ่อนไว้ พอเขอหน้าเหมือนเขม่นๆ เขาก็สาวๆ แม่งทำไรของมันวะ พอมันควักมาเป็นมีด โอ้ว..แย่แล้วกูแต่เราก็ไม่ได้วิ่ง วิ่งไม่ได้มันเสียหน้า เจ็บตัวไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ แต่ตอนนั้นเขาเสียบมาแต่ก็ไม่โดนนะครับ

วัยนั้นเห็นเป็นมีดมันไม่ถอยเลยเหรอ?

ไบร์ท : ก็คิดว่าเจ็บ แต่ไม่น่าตาย ความคิด ณ ตอนนั้น

เกือบโดนยิงด้วย?

ไบร์ท : อันนี้นั่งอยู่บ้านเพื่อน นั่งหน้าบ้านอยู่ในรั้วบ้าน นั่งกันอยู่ 2 คน ผมเอาหนังสือไปนั่งอ่านด้วย ตอนนั้นเรียนวิศวะอยู่ แล้วอยู่ดีๆ มีรุ่นน้องกระโดดมาจากมอเตอร์ไซค์ แบบหน้าลกๆเปิดประตูเข้ามา พี่ช่วยด้วยๆ สักพักก็มีมอเตอร์ไซค์มาอีกเป็นโขยงเลย มีดบ้าง ปืนปากกาบ้าง แล้วมันเป็นรั้วซี่ๆ ยื่นมาเหมือนหนังซอมบี้ เราตกใจมาก วิ่งเข้าบ้านไปกับเพื่อน เข้าไปในครัวไปเอามีดออกมา ตอนเราวิ่งออกมาหน้าบ้านเราเจอปืนปากกาจ่อ จังหวะนั้นแหละ คือจังหวะที่ผมรู้สึกกลัวเข้าจริงๆ มันเหมือนฉากในหนังเวลามันสโลว์ ถ้าก้มปุ๊บมันจะยิงเราทันไหม แต่ถ้าเราวิ่งไปทางนี้มันจะโดนไหม สุดท้ายเขายิงแต่ไม่โดน

เรารอดมาได้ยังไง?

ไบร์ท : ไม่รู้ครับ โชคดีมาก

ปืนว่าน่ากลัวแล้ว มีระเบิดด้วย?

ไบร์ท : แต่ระเบิดผมไม่ได้โดนปาใส่นะ มันเป็นพวกเด็กที่มีเรื่องกับเด็กในโรงเรียนผม แล้วมันก็ปาระเบิดเข้ามาในโรงเรียน เป็นระเปิดปิงปอง มันทำให้เขาไม่ได้จัดงานกิจกรรมโรงเรียนปีนั้นเลยรุ่นผม กีฬาสีหรืองานจุดเทียนพิธีกรรมของพวกสวนกุหลาบ ผมเสียใจมาก เด็กโรงเรียนผมรักโรงเรียนมาก แบบอินโรงเรียนมาก พอไม่ได้จัดเป็นเพราะพวกเราอีก เราเลยเสียใจ ยิ่งโกรธมากเลย

ขึ้นโรงพักบ่อยไหม?

ไบร์ท : ไม่ถึงกับบ่อย แต่ไม่ใช่ครั้งเดียว ที่ไปเราไม่ได้เป็นผู้กระทำนะ ส่วนมากผมไม่เคยทำใครก่อนเลย มีบ้างแหละแต่น้อย

ทุกวันนี้เวลาเราเห็นวัยรุ่นตีกันเรารู้สึกยังไงบ้าง?

ไบร์ท : ผมรู้สึกว่าปัจจุบันมันดีขึ้นกว่าตอนที่ผมเป็นวัยรุ่นนะ แล้วผมรู้สึกว่าตอนรุ่นผม พวกรุ่นพี่ก็หนักกว่านี้ เพราะบ้านผมอยู่ใกล้โรงเรียน ผมเจออาจารย์เขาบอกว่าตั้งแต่พวกเอ็งจบมันไม่ค่อยมีอะไรแบบนี้แล้ว ผมว่าโลกมันเปิดกว้างมากขึ้น มันมีอะไรให้ทำมากขึ้น ยุคผมเป็นยุคที่เปลี่ยนผ่านระหว่างอนาล็อกมาดิจิตอล

มีตอนบาดเจฌบหนักด้วยที่บางแสน?

ไบร์ท : อันนั้นน่าจะหนักสุดในชีวิตแล้วครับ เราห้าวไปหน่อย เราผิดอย่างนึงด้วย เพราะว่าเราเป็นเด็กเราไม่ควรไปที่แบบนั้น ฟิลแบบร้านเหล้ามหาวิทยาลัย เพราะว่าไปงานรับปริญญารุ่นพี่ เป็นปัญหาของผู้หญิงเขามีกัน แล้วมีผู้ชายมาเคลียร์ แล้วผมเป็นผู้ชายคนเดียวก็ต้องไปเคลียร์ด้วย ก็จบๆ เดินออกจากร้านแล้วเขามาต่อยผมจากข้างหลัง ผมก็เลยต่อยเขาคืนทีนึง แล้วเขาก็ล้มลงไป หลังจากนั้นอีกไม่กี่นาทีพนักงานผู้ชายก็มารุมกระทืบผม หัวผมโขกกับขอบน้ำตกที่มันติดผนัง แตก เย็บ 17 เข็มบนหน้า ตอนนั้นไม่สลบ แต่ล้ม จำได้ว่าเลือดอาบเลย ตอนนั้นมันไม่เจ็บ เจ็บสุดคือโดนเย็บ ผมว่าตอนนั้นผมคุ้มแล้ว 10 ต่อ 1 ผมต่อยมั่วๆ ต้องโดนอยู่แล้วแหละ คิดว่ายังไงเราก็คุ้ม มัน 10 คนเป้ามันเล็กเราคนเดียวเป้ามันใหญ่

มีแผลเป็นไหม?

ไบร์ท : ดีขึ้นเยอะมาก เพราะเรื่องมัน 5-6 ปีแล้วครับ

มีความกลัวอยู่ในจิตใจบ้างไหม ฉันไม่ทำ ฉันไม่ยุ่งอีกแล้ว?

ไบร์ท : คือผมไม่ได้เป็นนีกเลงขนาดนั้น แต่แค่ไม่ยอมคน ถ้าผิดเรายอม ถ้าไม่ผิดเราหลังชนฝาขาดใจเลยว่าเราไม่ผิดแล้วเราไม่คิดว่ามันจะหายได้นิสัยนี้ แต่มันมาหายตอนทำงาน ซึ่งตอนเข้าวงการแรกๆ ผมก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่เลย ก็ยังมี แค่ไม่มีใครรู้เฉยๆ 

ตอนนี้ยังใจร้อนอยู่ไหม?

ไบร์ท : ไม่ร้อนแล้ว ตอนนี้คือคนละคน

เรารู้สึกผิดกับ รปภ.มาก เห็นบอกว่าโดนไล่ออกไปหลายคนเลย?

ไบร์ท : ใช่ครับ คือ รปภ.โรงเรียน ถ้าเด็กออกนอกโรงเรียนได้แล้วอาจารย์เขารู้ เขาต้องเปลี่ยนชุดเลย เพราะถือว่าทำงานผิดพลาด ผมทำออกไปแค่ ม.5-ม.6 น่าจะ 3-4 ชุด เพราะผมตื้อจะเอาให้ได้ บ่าย2 กินข้าวเสร็จ เริ่มจากขอไปร้านข้างหน้า แล้วเริ่มเลยเถิดไปเรื่อยๆ แล้วมีสินบนนิดหน่อย เขาจะเรียกพวกผมสมัยนั้นว่าแก๊งแอลแดง ซื้อบุหรี่lmแดงให้เขา แล้วเขาก็ปล่อย คือเราโดดเรียนไปเล่นเกม อยู่โรงเรียนมันเบื่อ อยู่ห้องเรียนมันก็ไม่มีอะไรทำแล้ว 

ไบร์ทเป็นเด็กดื้อ แต่เรื่องเรียน เขาเรียนดีมาก?

ไบร์ท : ผมไม่ถึงขั้นเก่งที่สุดในห้องนะ แต่ผมอยู่ในห้องที่คนเก่ง ซึ่งก็เรียนดีมาตลอดไม่มีติดศูนย์หรืออะไร ผมสอบติดมหาวิทยาลัยตอนจบม.5 ขึ้นม.6 ผมติดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิศวะอินเตอร์

ตอนเรียนได้ 2 ปี เข้าวงการพอดี?

ไบร์ท : ไบร์ทเรียนไปได้ปีนึงครับ แล้วระหว่างที่เรียนปีนั้นเริ่มเข้าวงการแล้ว ได้ไปออกงานนั้นงานนี้ เริ่มถ่ายละครนิดหน่อยแล้ว พอขึ้นปี2 เราเลยไม่ไหว มันหนัก คนทำได้มันมี แต่เรารู้ว่าเราทำไม่ได้ เราต้องเลือก เป็นช็อตที่ลำบากใจมากๆ เลย เรามั่นใจในตัวเองว่าเราเรียนจบได้ด้วย ถ้าแค่เรียนนะ แต่วงการบันเทิงไม่รู้อะไรกับมันเลย มันเสี่ยงมากแต่สุดท้ายผมก็เลือกไปอันนู้น เพราะผมรู้สึกว่าเพดานมันสูงดี แล้วเราก็ย้ายไปเรียนนิเทศ ม.กรุงเทพ ซึ่ง ม.กรุงเทพเขาก็ช่วยเหลือ มีทุนศิลปินให้ด้วย อีกอย่างที่เราอยากได้ทุน คือเรารู้สึกผิดกับพ่อแม่ เพราะค่าเทอมวิศวะอินเตอร์แพงมาก ซึ่งตอนนั้นพ่อ แม่ เขาตามใจเราเลย ยิ่งเขาตามใจผมก็ยิ่งรู้สึกผิด เราเลยคิดว่าออกจากธรรมศาสตร์ไปจะไปเอาทุนเรียนฟรี แล้วจะไม่ขอเงินพ่อ แม่ อีกแล้วชีวิตนี้ นี่คือจุดเริ่มต้นแรกตอนอายุประมาณ 19 ปี แต่ 2 ปีแรกผมจะตายแบบมีเงิน 50 บาท แต่บอกแม่ว่าอิ่มมากเลย

เล่นละครเรื่องแรกไม่กลับไปดูเลย?

ไบร์ท : ไม่เลย เห็นแค่โปสเตอร์ก็ปัดหนีแล้ว มันอาย ไม่ใช่แค่กับเรื่องแรก กับทุกเรื่องที่ันผ่านมาแล้ว รู้สึกว่ามันอ่อนอยากเห็นตัวเองเก่งขึ้นเรื่อยๆ 

ตอนเราเข้ามาแรกๆ ช่วงปี1 มีโดนเตือนเรื่องคาแร็คเตอร์บ้างไหม?

ไบร์ท : ผมโดนทุกอย่าง อะไรที่เขาโดนกัน ผมโดนมาหมดแล้ว อย่างเช่น ท่าทางการเดิน สีหน้า แต่งตัว วิธีการพูด ไม่ยิ้ม ไหว้ไม่ดี ไม่สวย มือหนัก ทุกอย่าง นี่ยังไม่เข้าไปถึงเรื่องการแสดงเลยนะ

ที่บอกว่าจะให้เวลาในวงการบันเทิง 3 ปี ยังไง?

ไบร์ท : เราตั้งเป้าหมายไว้ว่าใน 3 ปีนี้เราอยากได้รางวัลสาขาการแสดงสักอันนึง เราจะได้เรียกว่าเก่งโดยที่ไม่ต้องคิดไปเองแล้วนะ มีรางวัลการันตี

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ ไบร์ท นรภัทร