“สุกัญญา มิเกล ควงลูกชายน้อง ธาเนีย เปิดใจที่แรก!

“สุกัญญา มิเกล ควงลูกชายน้อง ธาเนีย เปิดใจที่แรก! หลังยื่นฟ้องศาลตัดสิทธิปกครองร่วมกับพ่อของลูก”

เปิดใจที่แรก สุกัญญา มิเกล ควงลูกชายน้อง ธาเนีย กับปัญหาในครอบครัว หลังยื่นฟ้องตัดสิทธิปกครองร่วมพ่อของลูก พร้อมขอร้องศาลตัดสิทธิความเป็นแม่ลูกกับสาวลูก เผยพูดตรงๆกับลูกชายทุกเรื่อง ซึ้งใจลูกชายบวชให้แม่เพื่อหมดกรรม ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บSHOW ออกอากาศทางช่องวัน 31 ทีมี หนิง ปณิตา และบูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

มีการยื่นฟ้องต่อศาลตัดสิทธิ์ในการปกครองร่วมของลูกชาย

มิเกล : เริ่มต้นเลย หย่าเแยกกันดูแล หย่าตั้งแต่ปี 58 ศาลสั่งให้แยกกันดูแล แต่ทางกฎหมายมีสิทธิ์ปกครองร่วมกันอยู่ ดังนั้นเวลที่เราจะทำอะไรเกี่ยวกับลูกชายต้องขออนุญาติเค้า หรือให้เค้ารับทราบ ทางฝั่งเค้าเวลาทำอะไรเกี่ยวกับลูกสาวก็ต้องให้เรารับทราบรับรู้ขออนุยาติเช่นกัน แต่ที่ผ่านมาตลอดคือมันไม่มีการจอยกันเลย มีแต่ต่างคนต่างอยู่พอล่าสุดเราต้องการจะทำพาสปอตให้ธาเนีย ขอลายเซนต์จากบิดาแต่ไม่มีการยินยอมแบบดีๆ

เพราะอะไรถึงไม่ยอมมาเซนต์ให้?

มิเกล : เค้าให้เหตุผลว่ากลัวลูกจะไปติดโควิดสายพันธ์ต่างประเทศ แล้วในประเทศไม่มีหรอ มันเป็นแค่ข้ออ้าง เราไม่รู้หรอกว่าเหตุผลอะไร ระยะเวลาของการที่ยื้อ 9 เดือน มันคงเป็นเหตุผลส่วนตัว

จะเดินทางไปสหรัฐอเมริกา?

มิเกล : ใช่ พอดีเราได้ตรวจ DNA ตอนก่อนแต่งงานเพื่อจะหาความเป็นพี่น้อง ปรากฏว่าผลมันบอกออกมาว่าเราเจอญาติเรา เจอพ่อเรา เราเลยคุยกับพ่อมาประมาณ 1 ปีแล้ว ตอนนี้คุณตาได้คุยกับหลานแล้ว ก็ถามว่าอยากมาเยี่ยมพวกเรามั้ย

 9 เดือนที่รออะไรที่รับไม่ได้มากที่สุด?

มิเกล : ครอบครัวที่แยกกันอยู่แล้วมีลูกด้วย สิ่งสำคัญถ้าเราจะดำเนินอะไรเกี่ยวกับอนาคตของเด็กๆ เราควรที่จะคุยกันได้ ควรที่จะปรึกษากันได้ ต่อให้ไม่ชอบกันเกลียดกันแค่ไหนก็แล้วแต่ เราควรลดทิฐิลงเพื่อผลประโยชน์ของลูกเป็นหลัก เรารู้สึกแย่มากและไม่โอเคกับการที่เราจะเดินชีวิตกับลูกต่อไปในอนาคต มันมีความรู้สึกเหมือนโดนรั้ง โดนเบรค มันสูญเสียเวลา สูญเสียโอกาสไป

สาเหตุที่ยื่นต่อศาลระงับการปกครองร่วม เพราะมีคำพูดเจ็บที่ตัดสินใจให้ทำแบบนั้น?

มิเกล : เราไม่มีเจ็บนะ เราไม่รู้สึกเจ็บเลย แต่เรามองว่ามันไม่มีเหตุผล ทุกอย่างที่เป็นมาตลอดคือพี่เป็นฝ่ายตามหาลูกสาว แต่จริงๆคือตามกฏหมายพี่มีสิทธิในการปกครองอยู่ กลับกลายเป็นพี่ต้องไปตามหาเอาเอง ความจริงอยู่ตรงไหน ลูกอยู่ตรงไหน ทำอะไร อยู่กับใคร แต่พี่เองทำตามกฏหมายที่ศาลสั่งไว้ แต่เค้ากลับไม่ยินดี ตรงนี้ต่างหากที่รู้สึกว่ามันไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ถ้ามันตหลงกันไม่ได้ คุยกันไม่ได้ ก็แยกกันไปเลยดีกว่า ไม่ต้องมีกฏหมายเข้ามาอีกต่อไปนั่นคือความคิดของพี่

มีข่าวออกมาว่าขอตัดสิทธิ์?

มิเกล : พี่โพสต์ขึ้นเฟสบุ๊คหลายเดือนก่อน พี่ได้คุยกับลูกสาวครั้งสุดท้าย ที่พี่ไปตามหาเค้าแล้วเจอว่าเค้าอยู่ไหน ได้คุยกับลูก เค้าบอกมาว่าเค้าต้องการเดินชีวิตของเค้า เค้าใช้คำพูดว่าเค้าเป็นนางสาวแล้ว พี่ก็มองว่ามันมีเหตุผล เค้าไม่ต้องการให้เราไปวุ่นวาย เพราะเค้าถูกชุดข้อมูลจากใครไม่ทราบแหละ แต่เค้าบอกว่ามันคือการคุกคาม การที่แม่ไปตามหาลูกว่าอยู่ตรงไหนมันเป็นการคุกคาม เรามองว่าเราไม่อยากเป็นบุคคลที่ไปคุกคามลูก มุมเราคือเรารักลูก เราอยากรู้ว่าลูกเราเป็นยังไง อีกมุมนึงมันเป็นการไปคุกคามเค้า เราเลยบอกว่าโอเคงั้นลาออก จะได้ไม่มีการคุกคามในสายตาใครอีกต่อไป

ยังรักและเป็นห่วง?

มิเกล : คือเป็นห่วง และก็รัก แต่ว่าต้องใช้เหตุผลในเรื่องของเคารพความเป็นมนุษย์ของเค้าและของเราด้วย

เรียกว่าตัดแม่ตัดลูกเลยมั้ย?

มิเกล : มุมคนอื่นพี่ไม่รู้ แต่มุมพี่สายเลือดมันคงตัดไม่ได้ DNA พี่ก็อยู่ในตัวเค้า แต่ชีวิตเค้าเป็นคนเลือก

เสียใจมั้ย?

มิเกล : แน่นอน เคยร้องมาก่อนแล้ว มันเป็นความรู้สึกจุกอยู่ข้างในนะ กลั่นออกมายากมาก พี่มีนิสัยอยางนึงที่คนอาจมองว่าไม่น่ารัก คือเวลาโกรธหันหลังกับอะไรพี่จะยื้อสุดๆเลย แต่ถ้าพี่บอกว่าโอเคหยุดหันหลังแล้วพี่หันหลังเลย พี่ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย พี่ให้ชีวิตเค้า ตลอดระยะเวลาที่หย่า 7 ปี เค้าไม่ได้ให้โอกาสพี่ในการที่จะได้ดูแลเขา ทั้งๆที่พี่พยายามหาโอกาสแล้ว พี่ว่าพี่ก็เดินมาสุดทางแล้วในฐานะที่เป็นแม่คนนึง ก่อนหน้านั้น 18 ปีพี่ก็ไปสุดทางในฐานะภรรยา เมื่อเขาไม่ต้องการพี่ก็ไม่อยากเป็นคนไร้ค่า เขาเลือก เราต้องเคารพในสิ่งที่เขาเลือกถ้าเรารักลูก นี่คือความรักในแบบพี่ พี่ไม่มีดราม่า เอาเหตุและผลอย่างเดียวเลย

ในทางกฎหมาย?

มิเกล : รอบนี้ศาลท่านก็น่ารัก มาขอเราในห้องบอกว่าผมขอได้มั้ยว่าให้สิทธิ์การปกครองยังเป็นร่วมเหมือนเดิม แต่ว่าผมจะออกคำสั่งให้เค้าเซนต์ยินยอมต่อเอกสารทุกๆอย่าง ผลประโยชน์ของเด็กสูงกว่าสิ่งใด ต่างคนต่างก็คุยกันไม่ได้อยู่แล้ว ยังไงก็ขอให้มีกฏหมายรองรับผลประโยชน์ของเด็กนั่นคือสิ่งที่ท่านขอ ตอนนี้ก็เลยมีคำสั่งออกมาว่าการปกครองรวมที่เราขอตัดยังคงกลับมาร่วม แต่สิ่งที่ได้มาคือเค้าต้องยินยอมต่อสิ่งที่เราร้องขอในกรณีที่เกี่ยวกับลูกทุกอย่าง

รู้สึกยังไงบ้างกับเรื่องราวมั้งหมด ใช้วิธีไหนจัดการกับความรู้สึกตัวเอง?

ธาเนีย : บอกกับแม่บ้างครับว่ารู้สึกยังไง เวลาขึ้นศาลแต่ละครั้งรู้สึกงงด้วยว่าทำไมต้องเสียเงินขึ้นศาลแต่ละครั้งกับการที่แค่เซนต์ครั้งเดียว ขึ้นศาลหลายครั้งจนผมจำไม่ได้ครับ จำได้ครั้งนึงกำลังพูดอยู่จู่ๆพ่อก็มาพูดว่า I will support you จริงๆถ้าซัพพอร์ตก็เซนต์ตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับผม มามี๊ก็มาฟังด้วยก็มีทะเลาะกันนิดนึงแล้วพ่อก็เดินหนู บอกว่าคุณเลี้ยงลูกเหมือนสัตว์

มิเกล : เค้าอธิบายความรู้สึกแบบที่ผู้ใหญ่คุยกันแบบนี้น่าจะยากในวัย 13 มันดูสับสน เค้าไม่แน่ใจว่าเค้ารู้สึกอะไร แต่ที่เค้าเล่ามันเป็นเรื่องราวนะ แต่เค้าไม่สามารถพูดได้ว่าเค้ารู้สึกอะไร

รู้สึกยังไงบ้างที่ต้องขึ้นศาลแบบนี้?

ธาเนีย : รู้สึกว่ามันยื้อเวลาเกินไปครับ เสียดายเวลาด้วยครับ

มิเกล : พี่ไม่เคยให้ลูกขึ้นศาลด้วย มีเฉพาะครั้งนี้ครั้งสุดท้ายที่ศาลตัดสิน เพราะคุณพ่อเค้าร้องขอ อีกฝั่งนึงเค้าเอาลูกมาตลอด ขอเอาลูกเข้ามาได้มั้ยว่าคำสั่งคืออะไร เค้ากลัวว่าเดี๋ยวเค้ากลัวว่าจะเอาอะไรมาบิดเบือน เค้ากลัวพี่บิดเบือนคือเค้าอยากให้ลูกรับทราบว่าเค้าทำอะไรให้ เป็นครั้งเดียวที่ลูกเข้าไปในห้องที่เหลือคือยู่ข้างนอกตลอด แต่ออกมาพี่จะเล่าให้ฟังหมด

คุณพ่อเซนต์เอกสารแล้ว?

มิเกล : เซนต์แล้ว เหตุผลคือมันไม่ได้แค่ยินยอมพาไปที่ไหน เราต้องการลายเซนต์เพื่อจะทำพาสปอร์ตเท่านั้นเองนะมันไม่จำเป็นต้องใช้เวลา 9 เดือน ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจ้างทนาย ไม่จำเป็นต้องไปขึ้นศาลบ่อยครั้ง

สาเหตุที่ไม่เซนต์เพราะเค้ากลัวเอาลูกไปขาย?

มิเกล : ไม่รู้จะพูดยังไง พี่ได้ยินกับหูเลย ทุกครั้งที่ขึ้นศาลมีการดิสเครดิตเรา ในคำพูดที่เค้าว่าอาจจะพาลูกไปขายได้ยินกับหู เราขำอ่ะ ถ้าเราขายไม่ต้องรอถึงอายุ 13 มั้ย เราเลี้ยงลูกมา งานก็น้อยลงเพราะเราแก่แล้ว แต่เราเลี้ยงลูกให้ได้สมกับที่เด็กจะได้รับมาเสมอ ไม่เคยเอาลูกไปไว้กับใครคนอื่น ไม่เคยปล่อยให้ลูกอดอยาก บอกว่าเราเอาลูกไปขายมันเป็นความตลกในมุมมองเรา แต่ในมุมมองคนอื่นเราไม่ทราบ

หลายครอบครัวมีปัญหา อยากจะแชร์ประสบการณ์อะไร?

มิเกล : 2 มุม มุมยุคโบราณที่ทนๆไปเดี๋ยวก็ปรับตัวกันได้ หรือเอาน่าเวลาจะช่วยเยียวยา   ส่วนตัวไม่เห็นด้วยอย่างที่โบราณบอก คนเราถ้าอยู่รวมกันแล้วเอามืดแทงกันทางความรู้สึกคำพูดเอย พฤติกรรมเอย เป็นสงครามเย็นในบ้าน  คนที่ได้รับผลเต็มๆคือเด็กๆ ถ้ารู้ว่าอยู่ด้วยกันลำบากอย่าสร้างความกดดันให่กับเด็ก แยกกันแล้วเป็นเพื่อนกันซะ มันไม่ใช่เรื่องน่าอายกับการแยกของครอบครัว แต่สิ่งที่ต้องทำคือผลประโยชน์ของลูกมาอันดับ 1 

บอกกับลูกยังไง?

มิเกล : บอกตรงๆ แต่เราไม่ได้บอกโดยใช้อารมณ์ บอกด้วยเรื่องราวเหตุของมัน ผลของมัน มีหลุดบ้าง แต่บอกว่านี่คือความรู้สึกของของเราเอง 

ธาเนีย : แบบแยกกันดีกว่าครับ เท่าที่ผมจำได้ตอนอยู่ด้วยกัน แม่กับพ่อทะเลาะกันบ้างเป็นบางครั้ง มีบรรยากาศมาคุหน่อย ตอนแยกออกมาก็มีความสุขดูแลกันดีได้

มิเกล : ตอนมีข่าวหย่า เวลามีนักข่าวมาสัมภาษณ์พี่บอกว่าหย่าเพื่อลูก เพราะถ้าอยู่ร่วมกันต่อพี่อาจจะฆ่าคนได้

จะไปเจอคุณพ่อคุณตาครั้งแรกที่อเมริกาจะไปเมื่อไหร่?

มิเกล : จริงๆควรได้ไปตั้งแต่ต้นปีแล้ว ถ้าไม่ติดเรื่องขึ้นศาล

ธาเนีย : ตื่นเต้นครับ อยากเจอคุณตาได้เห็นที่ใหม่ๆที่ไม่เคยเจอมาก่อน คุณตาว่าเดี๋ยวจะได้ไปเจอหิมะตื่นเต้นแน่นอนอยากเห็น 2 อย่าง คุณตาและหิมะ

ลูกชายเพิ่งบวช?

มิเกล : ใช่เราเป็นคริสต์ เค้าจะเข้ากันได้ดีกับจอมเค้าก็จะคุยกันเรื่องบาปบุญคุณโทษ ความกตัญญู พอเค้าเห็นเราเจอเรื่องเยอะ อยู่ๆก็เดินมาบอกว่าจะบวชนะอยากให้มามี๊หมดกรรม

ธาเนีย : น้าจอมสอนควรจะตอบแทนบุญคุณแม่ แม่กว่าจะคลอดเรามาเกือบจะตายแล้วหลายครั้ง บวชแล้วได้รู้บาปบุญคุณโทษที่ลึกซึ้งมากกว่าเดิม

45 วันที่ไปบวช ความเปลี่ยนแปลงของลูกคืออะไรบ้าง?

มิเกล : เดือนเมษาเราเดินทางไปอวยพรวันเกิดเค้า แต่เราแตะตัวลูกไม่ได้ ก็ได้แต่มองหน้ากันเราได้เรียนรู้ในเรื่องของการฝึกตัดความรุ้สึกตัวเองเวลาที่เรารักใครมากๆ ฝึกที่จะหยุดอยู่กับที่เพื่อเคารพในสิ่งที่เค้ากำลังทำอยู่ เป็นความภูมิใจ เรามีศานาพุธเป็นไกด์ในการดำเนินชีวิต แต่ความรักแบะความศรัทธาอยู่ทางคริสเตียน เราเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีเหมือนกัน เป็นบุญของเราเป็นบุญของลูก

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ สุกัญญา มิเกล