เพลิง-พลภัคค์ วัชรพงศ์หิรัญ ทุ่มสุดแรง

เพลิง-พลภัคค์ วัชรพงศ์หิรัญ ทุ่มสุดแรง เล่นจริง เจ็บจริง ใน “มาเฟียเดอะซีรีส์ ปืนกลและคนเพี้ยน”

Mafia The Series: Guns & Freaks (มาเฟียเดอะซีรีส์ ปืนกลและคนเพี้ยน) นอกจากจะเป็นซีรีส์ที่มีความคอมเมดี้อยู่เต็มพิกัด แต่ความแอ็คชั่นก็มีแบบสุดโต่งเช่นกัน เพราะผู้จัดฯ อย่าง คุณโจปิยะวัฒน์ ปฐมวาณิชย์ และผู้กำกับฯ โน้ต พรรณพันธ์ ตั้งอกตั้งใจสรรสร้างให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์แอ็คชั่นที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของประเทศไทยเลยก็ว่าได้

                ด้วยความที่เป็นซีรีส์แอ็คชั่น ทำให้การคัดเลือกนักแสดงแอ็คชั่นมาร่วมแสดงในเรื่องนี้ จึงถูกคัดสรรมากเป็นพิเศษ ชื่อของ  เพลิง-พลภัคค์ วัชรพงศ์หิรัญ ถูกบรรจุชื่อเป็นนักแสดงในเรื่องนี้ พร้อมบทบาทสุดท้าทาย “อินเทนโซ่” ที่เจ้าตัวต้องเล่นแอ็คชั่นแบบจัดเต็ม เล่นจริง เจ็บจริง และไม่ใช้ตัวแสดงแทน  เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ หนุ่มเพลิง เขาเล่าถึงเรื่องราวก่อนมาแคสบทนี้ จนถึงบรรยากาศในการถ่ายทำ และความรู้สึกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์เรื่องนี้ว่า

บท อินเทนโซ่ เป็นอย่างไร

                เป็นนักฆ่าตัวเก่งประมาณว่า เบอร์2 ตีคู่มากับ แอนนา (จีน่า วิรายา) เลยครับ ซึ่งแอนนาเขาจะทำงานให้กับ มาสเตอร์ราเชน (ผู้พันเบิร์ด) บอสใหญ่ ส่วนเราทำงานให้กับ ลุงเวสต์ (เดวิด อัศวนนท์)  อยู่ทีมเดียวกัน แต่ว่าจะไม่ถูกกันครับ เหมือนเป็นคนเก่ง แล้วเจอคนเก่งด้วยกัน ก็เลยจะจิกกัดขิงๆ กัน ไม่ชอบขี้หน้ากันเท่าไหร่ ปากกัดกัน แต่ต่างคนก็คือทำหน้าที่ของตัวเอง อินเทนโซ่จะเป็นตัวจี๊ดๆ หน่อยครับ ตามสีผมเลย คือผมเป็นสีทอง ซึ่งเป็นการกัดสีผมจริงๆ ของผมเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานหนึ่งปี เราถ่ายทำกันรวมเวลาแล้วก็ประมาณปีหนึ่ง เพราะว่าด้วยสถานการณ์โควิดด้วย เป็นการกัดสีผมที่ยาวนานที่สุดในชีวิตผมแล้วครับ ไม่เคยทำสีผมมาก่อนเลย

ผมมาแคสเรื่องนี้ เพราะชอบบทแอ็คชั่นอยู่แล้ว เคยฝึกมวยกังฟูกับศิลปะการป้องกันตัวมาบ้าง ด้วยความชอบก็เลยไปเรียนแบบจริงจังเลยครับที่โรงเรียนของเส้าหลินกังฟู ซึ่งเขาเปิดสอน ก็เลยทำให้เราได้ทักษะและได้ท่วงท่าที่สวยงามของกังฟู พอเวลามาเล่นแอ็คชั่น มันก็จะดูดี เรียนอยู่ประมาณ 2-3 ปี เหมือนเราเรียนเต้น เพื่อออกกำลังกาย ไม่ได้เพื่อเอาไว้ต่อยตีอะไร คือมันเป็นความสนุกสนานคล้ายกับยิมนาสติกผสมเต้น ผสมเทควันโด มันเป็นความชอบส่วนตัว เพราะตอนเด็กผมดูหนังจีนเยอะ โตมากับมังกรหยก ลี้คิมฮวง จั่นเจา โตมาเราก็เป็นเหมือนเด็กแปลก เพื่อนเขาเตะบอลกัน แต่ว่าเราสรรหาที่ฝึกแอ็คชั่น พอไปเจอที่เขาเปิดสอนก็เลยไปเรียน ซึ่งมันเหมือนกับในหนังที่เราเคยดูมาเลย แต่ก่อนที่เขายังไม่เปิดโรงเรียน ผมก็จะไปที่สวนลุม ไปฝึกจากที่นั่น ก็ยังงงตัวเองเหมือนกันว่าเราไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง คือตั้งแต่ประมาณ ม.3 ถึงมหาวิทยาลัยปี 2 ผมก็ไปฝึกกังฟู เขาย้ายไปที่ศรีนครินทร์ เราก็ตามไปอีก บ้านอยู่สาทรก็ต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า นั่งรถเมล์ 3 ต่อ เพื่อให้ทัน 7 โมง เรียนถึง 9 โมง ด้วยความที่เราบ้าหนังจีนมาก พอโตขึ้นไปทำอย่างอื่น เข้ามหาวิทยาลัยไปเรียนสถาปัตย์ กลายเป็นว่าสิ่งที่เราทำมาในความบ้าบอของเรา มันติดตัวและทำให้เราได้รับบทนี้

ทราบมาว่าในซีรีส์เรื่องนี้เล่นเองหมดเลย

                ใช่ครับ แต่ก็จะมีพี่ๆ ที่เขาคอยคิดท่าให้ ส่วนเราก็คิดของเราไปด้วย และช่วยกันคิดออกแบบท่าด้วยกัน เพราะว่าเราก็อยากให้วงการแอ็คชั่นบ้านเรา มันดีขึ้น แค่ไม่ใช่ว่าเรามาทำหน้าเครียดต่อยกัน คือผมเป็นนักแสดงมาก่อน เคยอยู่ช่อง ONE31 ถ้าใครรู้จักผม น่าจะจำได้จากเรื่อง ล่า จนมีโอกาสได้มาร่วมงานกับคุณโจ ผู้จัดฯ นี่แหละครับ ก็เลยจะได้เห็นทั้งความสามารถที่เราได้ไปแสดงมา ผสมกับกังฟูบ้าบอที่เราเคยฝึกมา พอมันรวมกันแล้วมาใส่ที่เรื่องนี้

บทบาทที่เข้ามาแคสในเรื่องนี้

                ตอนแรกผมแคสอีกบทหนึ่งครับ คือด้วยความที่เราอยากจะแคสบทที่มันใช้การแสดงเยอะๆ ก็เลยแคสบท แทน ที่เป็นเด็กเนิร์ดหน่อย อยากใช้การแสดงเยอะ คือเราก็รู้สึกรักการแสดงเหมือนกัน แล้วมันมีซีนที่ต้องเล่นแอ็คชั่นด้วย เราก็โชว์ไปก็เลยแสดงไปแบบงงๆ ด้วยครับ แล้วก็เลยได้มาเล่นตรงนี้ คงเป็นเหมือนแรงดึงดูดอะไรสักอย่างที่ทุกอย่างมันผ่านการทำมาแล้วมันมาเจอตรงนี้พอดี เลยกลายเป็นว่าเราได้โชว์ความสามารถของเราเต็มที่ ทั้งแสดงแล้วก็แอ็คชั่นด้วย เรื่องนี้คือที่สุดแล้วครับ ไม่เคยแอ็คชั่นหนักเท่านี้ ทุกอย่างได้ฝากไว้ใน อินเทนโซ่ หมดแล้ว

เล่นจริงเจ็บจริง แล้วมีพลาดบ้างมั้ย

มีครับ คือตอนเจ็บเราไม่รู้หรอก เพราะว่าเราเป็นตัวละคร กลับบ้านมาก็เนื้อตัวเขียวตลอด แอ็คชั่นมันต้องเตะต่อยยังไงมันก็ต้องมีโดนตัวครับ ผมว่ามันก็ดีนะ เพื่อความสมจริงของตัวละคร แต่ว่าไม่มีพลาดแบบหนักๆ ก็ต้องขอบคุณพี่ๆ พันนาสตั้นท์มากๆ ครับที่เขาช่วยคิดเป็นโคโรกราฟท่าทางช่วยเซฟช่วย ซัพพอร์ตเวลาทำงานด้วยกันแล้วมันราบรื่นมากๆ ต้องขอบคุณพี่ๆน้องๆ สตั้นท์เลยครับ เพราะเขาเก่งกว่าเราเยอะมาก

ฉากที่ยากที่สุด

                น่าจะเป็นฉากเปิดตัวครับ คือเปิดใหญ่มาก็ซีนใหญ่ คิวเยอะและทำงานกับพี่ๆ หลายคน มันจะยากในเรื่องของโลเคชั่นด้วยที่มันไม่ค่อยเอื้ออำนวย เพราะว่าเป็นพื้นหินกรวด และเราต้องบู๊หนักตรงนั้น เป็นโรงงานโกดังเก่า และเราจะต้องมีขึ้นสลิงด้วย ซึ่งสูงมาก ก็จะมีความอันตราย ตอนซ้อมมันเตี้ยกว่านั้น แต่พอถ่ายจริงมันสูงและมีที่กั้นเยอะ แต่ว่าก็ผ่านมาได้ ฉากนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เข้าฉากในเรื่อง ส่วนฉากแรกเป็นฉากแอ็คชั่นเหมือนกันเข้ากับพี่ลีโอ พุฒ อันนั้นก็เดือดเหมือนกัน เพราะเราไม่เคยเข้ากองเลย แล้วเปิดมาวันแรกบู๊ทั้งวัน 2 ซีน ตั้งแต่เช้ายันเย็นก็คือวัดดวงกันไปเลย ในเรื่องก็จะมีหลายซีนที่ผมได้เล่นแอ็คชั่นที่ท้าทาย ผมว่าเรื่องนี้คุณโจ เขาก็ตั้งใจมาก หนังแบบนี้บ้านเราไม่ค่อยมีที่บทมันจะไปสุดขนาดนี้ แอ็คชั่นสุดขนาดนี้ ตลกสุด เพี้ยนสุด มันรวมหลายๆ อย่างไว้ด้วยกัน ผมเต็มที่กับเรื่องนี้มากจริงๆ ด้วยความที่ อินเทนโซ่ จะเก่งอาวุธมีด ผมก็ไปลงเรียนเองเลยกับครูที่สอนมีดสั้นโดยเฉพาะ ไปเรียนมาประมาณเดือนสองเดือนก่อนถ่ายทำครับ คือเป็นมีดสั้นที่ผมจะต้องควงมีดให้ได้

มีนักแสดงคนหนึ่งชื่อ เจสัน สเตแธม ซึ่งเขาเท่มากเป็นนักแสดงฮอลลีวู้ด ผมชอบเขาบู๊แล้วเขาก็มีมีดแบบนี้ ผมก็เลยไปหาซื้อมาจากอเมริกา แล้วก็เอามีดนี้ไปเสนอ คุณโจกับพี่โน้ต ผู้กำกับฯ  ก็เลยตกลงว่าเป็นอันนี้ เราก็เลยไปเรียนเพิ่มว่ามันทำงานยังไง ใช้ยังไง ให้มันคล่องครับ เพราะว่ามันต้องมีเหตุผลของการทำทั้งหมด ไม่งั้นคนดูจะไม่เชื่อเลย กลายเป็นว่าเราแค่โบกมีด เล่นหมุนไม่เก่งก็จะทำไปเพื่ออะไร คือเราอยากให้คนดูได้เหตุผลของการกระทำในซีนนั้นด้วย เพราะว่าทุกอย่างมันต้องมีเหตุผล ก็เลยจะมีมีดของผมจริงๆ เข้าฉากด้วย อินเทนโซ่จะเป็นตัวละครที่หนักในด้านบู๊เยอะมาก กับพี่ธันน์ ธนากร สองคน ซึ่งเราจะอยู่ทีมเดียวกัน คือผม พี่ธันน์ แล้วก็จีน่า เราเป็นองครักษ์พิทักษ์บอสคนเดียวกัน

เข้าฉากกับจีน่าและธันน์ เป็นอย่างไรบ้าง

                จีน่าเป็นคนตลกมากครับ ตัวจริงเขาก็เป็นแบบนี้เลย หลังกองหน้ากองจีน่าก็คือจีน่า สนุกดีก็จะได้ยินเสียงหัวเราะ ได้ยินเสียงแว๊ดๆ ตลอด ก็เป็นอีกหนึ่งความเอ็นเตอร์เทนในกองเรา ส่วนพี่ธันน์ก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่อาจจะไม่ได้พูดเยอะมากมาย พี่ธันน์ทำงานเก่งมาก เป็นผู้ใหญ่มีความสุขุม แล้วก็มีความเป็นโปรเฟสชั่นแนลในการทำงาน พี่ธันน์ช่วยแนะนำในเรื่องคิวบู๊เยอะเหมือนกัน เราก็เห็นพี่ธันน์มาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นหนึ่งในไอดอลที่เรารู้สึกว่า เก่งนะ ตอนเป็นวัยรุ่นเขาก็เฟี้ยวฟ้าว ก็ดีใจมากที่ได้มาทำงานกับทุกคนครับ ผู้พันเบิร์ดเขาก็เป็นคนน่ารัก แต่คนที่รักสุดก็คือพี่เดวิดครับ บอสเรานี่เอง เขาเป็นคนที่จริงใจมากเวลาเล่นด้วยกันแล้วรู้สึกว่าเคมีมันตรงกัน เจอกันครั้งแรกนะ ผมว่าเขาไม่เฟค เขาจริงใจกับเราทั้งในซีนและนอกซีน มันเลยทำให้เวลาที่เราทำงานแล้วเราคลิก แล้วเราก็เชื่อว่าเราเกิดมาเพื่อปกป้องเขาจริงๆ เรารักเขาจริง มันเลยทำให้เราทำงานกันง่ายมาก ผมมองว่าพี่เดวิดเป็นนักแสดงที่เจ๋งมากๆ คนหนึ่งเลย

ฉากสุดประทับใจ

                ก็เป็นฉากกับพี่เดวิดนี่แหละครับ เป็นซีนที่เราถ่ายตอนต้นเรื่อง มาวันหนึ่งแล้วเราเล่นอีกคาแรคเตอร์หนึ่ง แล้วเราพักไปนานมาก และได้กลับมาถ่ายอีก 2 ซีน แล้วช่วงเย็นผมได้เจอกับพี่เดวิดครั้งแรก แล้วผมเปลี่ยนคาแรคเตอร์ แต่ผมลืมบอกเขาว่า ผมจะเล่นแบบนี้นะ พอเล่นไปเขาก็พูดกลับมาว่า อ๋อ เอาอย่างนี้ใช่ไหม ได้เลยครับจบเลย คือมันหายากครับคนที่เราแสดงไปแล้วเขาคลิกเลย ถ้าจะให้บอกว่าซีนไหนที่ชอบมากที่สุด ก็คงจะเป็นซีนเรียบง่ายที่ได้พูดคุยกับพี่เดวิดนี่แหละครับ ที่ผมรู้สึกว่ามันเป็นเมจิกไทม์ที่ดี คุยกันแล้วเราสื่อถึงกัน และเราก็ผูกพันกันเลย เป็นฉากที่มีพี่ลีโอ พุฒ เข้าด้วย คือเราจะต้องไปจัดการเขา และมีพี่เดวิดไปด้วย ก่อนหน้านั้นเราก็สู้กับพี่ลีโอ พุฒ มาแล้วล่ะ และมีพี่เดวิดมาร่วมซีนด้วย ซึ่งนอกฉากเรายังไม่ได้เจอกันเลย คือมาเจอกันในฉากเลย ก็เลยประทับใจมากๆ ครับ ผมรู้สึกว่ามันเป็นโมเมนต์ที่ดีสำหรับนักแสดงที่เวลาเราแสดงแล้วมันคลิกกัน มันวิเศษมาก แล้วคนดูก็จะได้โมเมนต์ที่ดีจากซีนนี้ด้วย

ผู้กำกับฯ ให้อิสระกับนักแสดงในการเล่นด้วย

                พี่โน้ตจะเป็นคนที่เปิดมากๆ เราสามารถไปคุยกับเขาได้เลยว่าเราสามารถทำแบบนี้ได้ไหม ว่าไปตามเหตุผลของตัวละคร แล้วตรงไหนที่เขาอยากจะจี้ให้เราเปลี่ยนก็จะมีนิดๆ หน่อยๆ แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเปลี่ยน เป็นผู้กำกับฯ ที่เปิดกว้างมากแล้วก็ตลกมากทำงานสนุกครับ

ความรู้สึกที่ได้มาเล่นซีรีส์เรื่องนี้

                รู้สึกดีครับ มันเหมือนเป็นการที่พาคนเหล่านี้มาเจอกัน จริงๆ นะ แล้วในกองก็จะมีแต่คนแบบนี้ แบบเป็นตลกๆ เพี้ยนๆ บรรยากาศการทำงานก็ดี คุณโจก็เป็นผู้จัดฯ ที่ไม่เหมือนผู้จัดฯ สักเท่าไหร่ แต่ว่าเรารู้สึกผูกพันกับเขานะ เขามากางร่มให้ผม ให้จีน่า เป็นผู้จัดฯ ที่วัยรุ่นและยังเป็นน้องเราอีก ก็เลยมองว่ามันเป็นความสนุกสนาน และผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนในทั้งการทำงาน และการเจอบรรยากาศของคนด้วย มันเป็นความเอ็นจอยความสนุก ส่วนพาร์ตงานก็สุดเหมือนกัน ทำมันเต็มที่แอ็คชั่นก็แอ็คชั่นสุดเหมือนกันครับ ก็อยากให้คนดูชอบ แต่ว่าเราไปการันตีไม่ได้ เราก็ทำกันเต็มที่แล้ว เรื่องนี้คือบทมันก็ไปสุดทางจริงๆ แต่เราบอกไม่ได้ว่ามันไปสุดทางทางด้านไหน ไม่รู้ว่าคนดูจะรับได้ไหม ซึ่งรับได้ไม่ได้ไม่เป็นไร อย่างน้อยถ้าเขาได้ดูและได้เห็นว่าพวกเรามีความตั้งใจบางอย่างที่อยากให้คนเห็น ผมว่าแค่นี้ก็ดีแล้ว เดี๋ยววงการบันเทิงบ้านเราจะค่อยๆ พัฒนาขึ้นไป เพราะว่าคุณโจตั้งใจมาก ส่วนตัวผมแล้วคืออยากให้คนดูชอบครับ และคนดูก็ต้องชอบผมเล่นกัน เพราะว่าผมใส่เต็มที่แล้ว ถ้าไม่ชอบก็คงจะด่าที่ตัวละคร มันบ้าบอ แต่ก็คิดว่าเขาน่าจะจำเราได้นะ จำไอ้หัวทองนี้ได้แน่นอน อยากให้เปิดใจดูว่า  GUN & FREAKS ปืนกลคนเพี้ยน ที่พอเพี้ยนแล้ว เขาจะคลิกไหมจะเข้าใจไหม คือสนุกมากเราทุ่มเทกันทุกคนครับ

ติดตามความสามารถด้านแอ็คชั่นของหนุ่มเพลิงได้ใน Mafia The Series: Guns & Freaks (มาเฟียเดอะซีรีส์ ปืนกลและคนเพี้ยน) ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 23.00 ทางช่อง GMM25 และดูย้อนหลังได้ที่ WeTV หรือที่ https://bit.ly/MafiaTheSeries  แฟนๆ สามารถติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวและอัพเดทผลงานของสแล็ป มอนสเตอร์ ได้ที่ FACEBOOK: SLAP MONSTER  / IG: Slapmonster.th