“เสรี รุ่งสว่าง อัปเดตคดีฟ้องร้องกับครูเพลงชื่อดัง-จริงไหม ยอดรัก สลักใจ มาเกิดเป็นลูกชายคนเล็ก?”

“เสรี รุ่งสว่าง อัปเดตคดีฟ้องร้องกับครูเพลงชื่อดัง-จริงไหม ยอดรัก สลักใจ มาเกิดเป็นลูกชายคนเล็ก?”

นักร้องลูกทุ่งแถวหน้าของเมืองไทย เสรี รุ่งสว่าง ที่วันนี้ขอควงลูกชายเสียงดี เสเบนซ์ รุ่งสว่าง มาเปิดโมเมนต์สุดน่ารัก พร้อมอัปเดตคดีความกับครูเพลงชื่อดัง ที่ขึ้นโรงพักฟ้องร้องกันก่อนหน้านี้ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ผ่านทางช่อง วัน31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ , หนิง ปณิตา และอาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

หลายคนโดนครูเพลงท่านหนึ่งฟ้องร้อง แล้วเป็นคดีมหากาพย์ด้วย ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
อาเสรี : ทางตำรวจเขายกฟ้องไปแล้ว เขาไม่ส่งฟ้องศาล คือตอนที่เขาฟ้องเรา พอเอาลายมือไปพิสูจน์หลักฐาน ก็เป็นลายมือของครูชลธีจริง เขาก็เลยยกฟ้อง

เรียกได้ว่าสิ้นสุดคดี 100% เลย?
อาเสรี : ครับ สิ้นสุดคดี 100% ไปแล้ว

คดีนี้นานไหม?
อาเสรี : ถ้าเป็นความจริงๆ ก็เป็น 10 ปี แต่เราไม่อยากไปต่อ อยากให้มันหยุดพักไปเลย พอเราชนะแล้ว เราพิสูจน์หลักฐานแล้วว่าเป็นลายมือครูชลธีจริง มีคนบอกว่าฟ้องกลับเลย เราคิดอยู่ในใจว่าถ้าเราฟ้องกลับกว่าจะได้เงิน สมมติว่าเรียกไป 20 ล้าน เหมือนที่เขาเรียกเรามา เคลียร์กันอยู่ไม่เกิน 2 แสนถ้าเราชนะความ แล้วถ้าถามว่า 2 แสน อีก 10 ปี ครูชลธีตายไปแล้ว เราจะไปเอากับใคร เพราะฉะนั้นเราอยู่เฉยๆ ดีกว่า เพราะ 1.ครูชลธีเหมือนพ่อเรา มีคนยุเขาหรือเปล่า ทีนี้คนเราต้องมีสติสัมปชัญญะด้วย ผมเองผมก็ไม่ฟ้องครูชลธี เพราะครูชลธีเปรียบเสมือนพ่อผม อย่างเขาคิดว่าเราเป็นลูกใครจะยุยังไง ก็เห้ย…อย่าไปฟ้องเขาเลย

ตอนนี้ถือว่ายกภูเขาออกจากอกหรือยัง?
อาเสรี : ใช่ครับ คือตอนนี้ไม่มีปัญหา คือเราต้องหยุดตัวเราเอง ถ้าเราไปสานต่อ เขาฟ้องมา เราฟ้องกลับมันก็ไม่จบ

ตอนที่โดนฟ้องตกใจขนาดไหน?
อาเสรี : ตกใจมาก 3 เดือนวันเกิดเราท่านก็ยังมาหาให้กำลังใจ บอกให้เป็นพี่ใหญ่ในวงการลูกทุ่งนะ ต้องสืบสานไปเรื่อยๆ แต่พอ 3 เดือนให้หลังมาฟ้องเราเลย  20 ล้าน

ความรู้สึกตอนนั้นเป็นยังไง ตกใจ โกรธ กลัว หรือว่าเสียใจ?
อาเสรี : เราไม่เคยกลัวเลย แต่ว่าเราคิดไม่ถึง นี่เราเป็นลูกเขามาฟ้องเราเลย หมดคนฟ้องแล้วเหรอ คนในวงการลูกทุ่งโทรมาหา กูไม่เชื่อมึงเลยว่าชลธีฟ้องมึง ผมเองก็ไม่เชื่อ ทีนี้เพื่อนโทรมาบอก ส่งคลิปมาให้ดู เรา โอ๊ะ…มันเป็นจริง

แล้ว 10 ปีที่ผ่านมาทุกข์ขนาดไหน?
อาเสรี : เราไม่ได้ทุกข์อะไร เพราะลายเซ็นจริง เราซื้อจริง มันไม่ใช่แค่นี้ มันมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ยิบๆ ย่อยๆ อีกเยอะ เราเสียเงินให้แล้ว เราถือว่าให้พ่อ

เสเบนซ์ตอนที่พ่อมีปัญหาอยู่กับพ่อ ให้กำลังใจพ่อยังไง?
เสเบนซ์ : ตอนแรกก็ตกใจเหมือนกันที่มีเรื่องแบบนี้ เรารู้ตักท่าน นับถือเป็นปู่

มันแบ่งความรู้สึกยังไง?
อาเสรี : เขายังเขียนเพลงให้เลย เพลง ตามรอยพ่อ
เสเบนซ์ : ตอนวันเกิดพ่อยังได้เจอกัน แต่พออยู่ๆ เป็นข่าวเราก็ไปถามพ่อว่าเรื่องมันเป็นยังไง พ่อบอกไม่เป็นไรลูกเดี๋ยวก็จบ

แสดงว่าตอนนั้นพ่อพยายามสมานความรู้สึกปู่กับหลาน?
อาเสรี : ใช่ จริงๆ เราไม่ได้ซีเรียส ก็บอกลูกว่าไม่เป็นไรของพ่อเขาเซ็นให้ เราซื้อเขา เดี๋ยวมันก็จบ เราไม่อยากให้มันกระทบกระเทือน ไม่อยากให้ลูกไปคิดว่าทำไมต้องมาฟ้องพ่อ

เสเบนซ์แล้วทุกวันนี้ความรู้สึกยังเหมือนเดิมไหม?
เสเบนซ์ : เหมือนเดิมครับ ความรู้สึกไม่ได้มีอะไรครับ

ตอนนี้คดีมันสิ้นสุดแล้ว คุณอากับน้องมีโอกาสได้เจอครูเพลงไหม?
อาเสรี : ช่วงนี้งานเรามันเยอะ เราก็เลยไม่ค่อยได้ไป แล้วไม่มีใครส่งข่าว ยังเงียบๆ กันอยู่

พอคดีมันสิ้นสุด ทางฝั่งครูเพลงมีปฏิกิริอะไรกับคนใกล้ตัวแล้วมีข่าวมาถึงเราไหม ว่าเขารู้สึกอะไรยังไงกับผลของการตัดสิน?
อาเสรี : ไม่หรอกครับ เขาจำนนต่อหลักฐาน หมายถึงพอพิสูจน์เสร็จปุ๊บ ถ้าเราไม่ไปฟื้นขึ้นมาอีก มันก็ไม่มีข่าว แต่ถ้าเกิดว่ามีข่าว เราต้องเป็นคนฟื้น วงในรู้กันดีว่าทางตำรวจยกฟ้อง เราก็เงียบ

บางคนอาจจะลืมไปแล้วว่าฟ้องเรื่องอะไร?
อาเสรี : เรื่องละเมิดลิขสิขธิ์เพลง เอาเพลงมาทำโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต คือที่จริงแล้วเราซื้อมาทำ การที่เราจะทำซีดีออกมาเกือบจะ 20 ปีแล้ว การจะทำซีดี เราจะต้องไปเอาเลขที่ ทรัพย์สินทางปัญญา มันต้องมีลายเซ็นทั้งหมด ทั้งคนเขียน คนร้อง แล้วเขาถึงจะให้เลขมาปั๊มลงซีดี ถ้าไม่มีลายเซ็นพวกนั้นไปเขาก็จะไม่ปั๊มลงซีดี ปั๊มไม่ได้ แล้วก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราซื้อมาถูกต้องตามกฎหมาย 10 กว่าปีที่ผ่านมา เขาดูมาทุกวันอยู่แล้ว

ทุกอย่างเคลียร์หมดแล้ว คุณพ่อ คุณลูกแฮปปี้แล้ว?
อาเสรี : ครับ

พ่อลูกคู่นี้เขาสนิทกัน แสดงความรักต่อกัน หอมกัน จูบกัน เป็นยังไง?
อาเสรี : ลูกเราเลี้ยงมา เราเห็นทุกวัน เวลาจะไปไหนเราต้องหอมลูก เช้ามาลูกก็มาหอมเรา คือสืบสานตั้งแต่ปู่ พ่อผมเนี่ย ทำเหมือนกันเช้ามาก็มาหอมเรา ทีนี้เราก็ติด พอเราเลี้ยงลูก เราก็หอมลูก

เราเขินไหมเวลาหอมพ่อ?
เสเบนซ์ : ไม่เขินเลย มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ ทุกวันนี้ไม่ใช่ผมคนเดียว คือพี่น้องทุกคนก็เป็นแบบนี้หมด

ถึงขนาดจูบกับพ่อเลยเหรอ?
เสเบนซ์ : จุ๊บปากเลย

บ้านนี้มีกฎเหล็กบ้างไหม?
อาเสรี : ไม่มรีครับ จริงๆ แล้วเราเลี้ยงลูกผิด เราเลี้ยงตามใจเกินไป กลัวลูกจะลำบากใช่ไหม เราขับรถไปไหนมาไหน รถมันเคยชนเด็กนักเรียน เราก็คิดถึงลูก ถ้าลูกเดินอย่างนี้ รถมาชน กูอยู่ไม่ได้นะ เดี๋ยวมีเรื่องกับเราแน่ ก็ไปซื้อรถตู้ เอาแม่บ้านมาให้ขับรถไปส่งหน้าโรงเรียน แล้วตอนเย็นรับกลับ แต่มันไม่สมใจเราตรงที่ว่าพอมันโตมาหน่อย มันหนีโรงเรียน
เสเบนซ์ : จริงๆ แล้วผมเป็นคนไม่ค่อยเก่งเรื่องเรียน แต่ที่โดดเรียนไม่ได้ไปไหนครับ อยู่ห้องดนตรีไทย ซ้อมดนตรีแล้วก็นอนอยู่ในนั้นเลย

แบบนี้พ่อจะโกรธได้ไง?
เสเบนซ์ : เขาไม่รู้ ส่วนมากครูจะโทรคุยกับแม่มากกว่าเพราะว่าพ่อทำงาน พ่อเลยไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่

ทำไมต้องไปห้องดนตรีไทย ทั้งๆ ที่มีโอกาสไปที่อื่นๆ ได้?
เสเบนซ์ : ผมไม่ชอบออกไปข้างนอก จริงๆ ผมมีเพื่อนน้อยมาก จะมีก็พวกเล่นดนตรีไทยกับเรา
อาเสรี : จริงๆ จะไม่ค่อยสอนเรื่องการร้องเพลง ไม่ชอบสอน แล้วก็ไม่ชอบสอนใคร เราไม่รู้ว่าเราเก่งขนาดไหน เรากลัวคำที่เขาสวนมา มึงจะมาสอนกู มึงเก่งขนาดไหนวะ คำนี้สำคัญมาก กับลูกเราจะสอนตอนหน้าเวที เราจะร้องกัดเลย ร้องให้ดี แล้วคนดูก็จะโห่เวลามันร้องคนดูก็จะไม่เอาๆ ให้พ่อร้อง นี่พอมันลงมาถึงรถปุ๊บ คนเขาโห่หนู บอกดีไหมล่ะ ถ้าไม่ให้เขาโห่ต้องทำยังไง มันต้องร้องให้ดีสิ

แม็คคิว ชื่อจริงชื่อ เสรี รุ่งสว่าง เป็นชื่อพ่อเลย?
อาเสรี : ใช่

ทำไมถึงให้น้องชื่อเสรี รุ่งสว่าง?
อาเสรี : คือจริงๆ ตอนเขาเกิดมา เขาเกิด 7 เดือนครึ่ง เขาตกเลือด แม่เขาต้องผ่าออก ผ่าด่วน ไม่งั้นเขาตาย เราดูในพจนานุกรมหลายๆ ชื่อที่จะตั้งชื่อเขา ชื่อแมคคิวเราเป็นคนตั้งให้ แต่ทีนี้ต้องการชื่อจริง มันมี 3-4 ชื่อ คือเวลาที่เขาเกิดไม่ค่อยดี แต่ชื่อนี้ตกฟากมันจะตรงกับเขา แล้วมันจะดีมากๆ ส่งเสริมลูก ส่งเสริมพ่อ แม่ ก็เลยให้ชื่อเป็นเสรี รุ่งสว่าง แต่เราชื่อจริงว่า กิตติกร รุ่งสว่าง

พ่อให้ชื่อตัวเองกับลูกเลย?
อาเสรี : ให้ชื่อ เสรี จูเนียร์

ตอนนี้อายุเท่าไหร่?
แมคคิว : 12 ครับ

พ่ออยากดันเขาเป็นนายแบบ นักแสดง แต่จริงๆ เราอยากเป็นอะไร?
แมคคิว : นักวิทยาศาสตร์ครับ
เสเบนซ์ : ตอนเด็กอยากเป็นแต่มือกลองอย่างเดียว
อาเสรี : ให้เขาเรียนที่บ้าน พอไปเรียนที่โรงเรียน เขาไม่ค่อยเท้าไหร่ ก็เลยจ้างครูมาสอนที่บ้านเลย

หมายถึงว่า Home School?
อาเสรี : ใช่ เพราะว่าไปเรียนอย่างนั้นเราก็ไม่เห็นใช่ไหมว่าเขาเรียนยังไงบ้าง ก็เลยจ้างครูมาสอนที่บ้านเลย ก็เรียนทุกวัน

คุณอาแอบกังวลอะไรไหม ทำไมให้น้องเรียน Home School?
อาเสรี : ในช่วงโควิด แล้วเขาเกิด 7 เดือนครึ่งใช่ไหม แล้วเรากลัว โรงเรียนมันอาจจะติดกันได้ เราเลยไม่ให้ไปโรงเรียน ตอนนั้นฉีดวัคซีนไม่ได้ใช่ไหม เราเลยให้อยู่บ้าน แล้วทีนี้ตอนหลังถ้าจะเรียนคงไม่ทันเขาแล้ว ก็เลยจ้างครูมาสอนที่บ้านดีกว่า จะได้ตัวต่อตัวเลย

เห็นว่าคุณอามีความรู้สึกว่า คุณอายอดรัก กลับมาเกิดเป็นน้องเขา?
อาเสรี : ตอนที่ยอดรักเสีย ภรรยาท้อง 2 คน จริงๆ เราคิดว่าเราไม่ค่อยได้ยุ่งกับแฟนเลยนะ นานๆ ครั้งก็ติดได้ อีกอย่างแฟนเป็นโรคเลือด มดลูกเขาติดกระดูกสันหลัง มันจะมีลูกยาก ทีนี้ติด 2 ครั้ง เสร็จแท้งทั้ง 2 ครั้ง แล้งตอนนั้นยอดรักเขาเสียไปแล้ว มีคนบอกว่าตอนเด็กๆ เขาหน้าเหมือนยอดรักเลย นี่ก็บอกไม่ใช่หรอกนี่ลูกฉัน แต่เรามาสังเกตตอนเขาได้ 2 ขวบ เราร้องเพลง ล่องเรือหารัก กับขอบคุณแฟนเพลง ไปเล่นที่เพชรบูรณ์ เขาเดินได้มาอยู่หน้าเวที เขาร้องให้แบบฟูมฟายเลย ไม่รู้ว่าสาเหตุเรื่องอะไร พอนอนกลางคืน คนนั้นพูด คนนี้ทัก เราก็บอกว่าไม่ใช่หรอก ไม่ใช่ยอดรักมาเกิดเป็นลูกเรา พอนอนกลางคืนเขาจะเอามือ ตอนยอดรักตายเขาจับมือผม ตอนเขาจะเสียชีวิตคือ เที่ยงคืนสิบห้านาที แล้วทีนี้ คนนีิกลางคืนเขาก็ชอบจับมือผมนอนแล้วต้องให้กอดทุกคืน แล้วทุกวันนี้ก็ยังเป็นแบบนี้

ลึกๆ พ่อคิดไหม?
อาเสรี : ตอนแรกเราก็ไม่คิดอะไร แต่ว่าพอหลังๆ เราสังเกตดูเวลาเขาเล่น เขาชอบแกะเล็บ ยอดรักเขาชอบแกะเล็บ นี่ก็ชอบแกะเล็บอยู่อย่างนั้น แล้วบางทีเวลานอน หยอกกับเราอย่างนี้ยิ้มกริ่มแบบคล้ายๆ

แมคคิวรู้จักอายอดรักไหม?
แมคคิว : ไม่รู้จักครับ

พอพ่อคิดว่าอาจจะเป็นอายอดรักกลับมาเกิด คิดว่าเป็นไปได้ไหม?
แมคคิว : ไม่ครับ
อาเสรี : คือเราสังเกตช่วงนั้นมีคนมาทักเรื่อยๆ แล้วยอดรักเพิ่งเสียไป ตอนที่ยอดรักเสียก็แท้งไป 1 คน แล้วมีหมอดูเขาบอกว่าจะต้องมาเกิดอีก มาเกิดจนได้ นี่คนที่3 ตกเลือด 7 เดือนครึ่ง แม่เกือบตายต้องผ่าออก
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ เสรี รุ่งสว่าง