“มิน พีชญา”เปิดเส้นทางความรักหนุ่มนอกวงการเผยเหตุไม่เปิดหน้า ไขข้อสงสัยไม่รับละคร 2 ปี”
มิน พีชญา เปิดใจครั้งแรกกับเส้นทางความรักหนุ่มนอกวงการร่วม 2 ปี พร้อมไขข้อสงสัยทำไมไม่ยอมเปิดหน้าซักที เล่าโมเม้นท์จากเพื่อนกลายมาเป็นคนรู้ใจ เคลียร์ประเด็นเหตุไม่รับงานละครกว่า 2 ปี เพราะอะไร ? ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์และชมพู ธัณย์สิตา เป็นพิธีกร
มีละครติดต่อมามากกว่า 100 เรื่อง ปฎิเสธหมดเลย ?
มิน : เว่อร์มาก ไม่ถึง 100 เรื่อง ถ้าหลัก 10-20 ถึง จริงๆเราอยากรับละคร เพราะเราก็เป็นนักแสดงคนหนึ่งที่แสวงหาบทที่เราอยากจะเล่นอยู่เสมอ แล้วมินเป็นคนชอบการแสดง ถ้าเราอ่านบทเราจะรู้ว่าบทนี้เคยเล่นแล้ว พอเราไปเล่นอาจจะรู้สึกว่ามุมมองไม่สามารถจะบิดได้
แสดงว่าที่ยังไม่รับ 2 ปีที่ผ่านมา บทยังไม่โดนใจเรา ?
มิน : มองว่าจังหวะ บท และเวลาหลายๆอย่างด้วย ทั้งคิวคนที่จะเล่นด้วยและคิวเรา เราต้องบริหารเวลาในการทำธุรกิจด้วย
2 ปีที่ไม่เห็นหน้าเลยคือหันหน้าไปทำธุรกิจ ?
มิน : เป็นธุรกิจที่ช่วยที่บ้านด้วยแล้วก็ของเราด้วย ของเราจะมีธุรกิจอสังหาฯ ทางบ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับห้างวัสดุก่อสร้างอยู่แล้ว ตอนนี้เราก็เข้ามาช่วยบริหารด้วย ตำแหน่ง MD คุมภาพใหญ่ แต่จริงๆทีมเขาก็เก่งกันอยู่แล้ว
จริงมั้ยที่ตามข้อมูลบอกว่าธุรกิจที่เราทำไปหลักร้อยล้านถึงพันล้าน ?
มิน : ตามมูลค่าธุรกิจของครอบครัวตัวธุรกิจมันถึงอยู่แล้ว แต่ในส่วนของมินก็เพิ่งเริ่มตัวเล็กๆ เป็นนักธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น
อันนี้คือทำหมู่บ้าน ขายหมู่บ้านเลยใช่ไหม ?
มิน : ใช่ค่ะ ก็จะดูในเรื่องของแบบ แก้แบบกันไปมาไม่ลงกับที่ดิน มีเรื่องแบบที่ต้องตอบโจทย์ของลูกค้า ช่วงโควิดที่ผ่านมาก็ขายหมดแล้ว
ที่ทำตรงนี้เพราะคุณพ่อมีที่เยอะแล้วไม่มีใครสานต่อ ?
มิน : มินก็มีที่ของตัวเองด้วย อันที่คุณพ่ออยากจะแชร์เราก็เป็นพาร์ทเนอร์กัน คอนเซ็ปต์บ้านนี้คือไม่ยกมรดกให้ลูกแต่ลูกเป็นพาร์ทเนอร์ อะไรที่มินก้าวเข้าไปก็จะเป็นในส่วนของสัดส่วนผู้ถือหุ้นแล้วก็เป็นพาร์ทเนอร์กับคุณพ่อ
ทำมากี่หมู่บ้านแล้วที่ขายไปแล้ว ?
มิน : ตอนนี้ที่ทำคือขึ้นเฟส 3 แต่คุณพ่อทำมานานแล้ว คุณพ่อทำมา 20 ปี เรื่องห้างวัสดุก่อสร้างเราทำมา 30 กว่าปี ด้วยมุมมองของคุณพ่อคุณแม่มองว่าในชีวิตหนึ่งคนเราจะมีบ้านได้ซักกี่หลัง เราต้องให้สิ่งที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นวัสดุก่อสร้างที่หาได้ในปัจจุบันเราจะเลือกเฉพาะสิ่งที่ดีที่สุดเข้ามาขายในร้านเรา
งานอีเว้นท์ไม่รับ ?
มิน : ยังรับอยู่ แต่บางครั้งต้องปฎิเสธเพราะชนกับประชุมที่นัดผู้ใหญ่ไว้หรือพาร์ทเนอร์คนอื่นๆ เราจะไม่เลือกเสียเครดิต จริงๆขอเลื่อนประชึมก็ได้ แต่เราไม่ขอเลื่อน ถ้ามีอีเว้นท์ที่คิวลงตัวไปอยู่แล้วค่ะ
วันนึงถ้าเราเบื่อเล่นละคร เราสามารถไปเป็น MD ได้เต็มเวลาไหม คิดว่าจะมีความสุขไหม ?
มิน : พูดยากมาก เพราะเราสร้างตัวตนของเราในวงการมาด้วยตัวเราเองแต่แรก อยู่มาวันหนึ่งจะให้มาทิ้งไป มินก็คิดถึงนะเพราะมินชอบการแสดง เวลาเราดูซีรี่ส์เกาหลีแล้วเล่นดีถ้าเราได้เล่นบทนี้จะเล่นแบบไหน เราเล่นละครเป็นแพชชั่นแล้วหาบทที่เราชอบ
เส้นทางความรักปัจจุบัน มีเวลาให้ความรักด้วย ?
มิน : มันก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งในชีวิต
หนุ่มข้างกายคนนี้รู้จักกันมานานหรือยัง ?
มิน : ที่เห็นเป็นข่าวอยู่จะบอกว่ารู้จักกันมาเป็น 10 ปีแล้ว ไม่ได้ปิด เป็นเพื่อนกันมานานแล้ว
จากความเป็นเพื่อนเปลี่ยนเป็นความรักได้อย่างไร ?
มิน : มินใช้คำว่าค่อยๆดีกว่า ไม่มีใครจีบใครเลย อยู่มาวันหนึ่งเราก็ไม่รู้ยังไงเหมือนกัน ตอนข้ามเฟรนด์โซนนี่เป็นอะไรที่สับสนมาก สับสนกันทั้งคู่ ต้องคิดภาพก่อนว่าคนเป็นเพื่อนกันแล้วซัพพอร์ตกันมาตลอด แล้วอยู่มาวันหนึ่งเราจะทำลายความสัมพันธ์นี้ สมมติถ้ามันข้ามแล้วมันแป้ก ความสัมพันธ์จบเลย มันมองหน้ากันไม่ได้ มันมายังไงก็ไม่รู้มันมาช้ามาก เช็คกันไปมาว่ามันมากกว่าเพื่อนแล้วหรือยัง
ที่ผ่านมาคือเขารู้ชีวิตเราเรารู้ชีวิตเขากันมาโดยตลอดแต่ไม่มีใครข้ามเส้น ?
มิน : รู้ตลอด อยู่ในงานวันเกิดมินเกือบทุกปี
ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรเลย เพื่อน ?
มิน : ไม่ได้คิดอะไรเลย เพื่อน
10 ปีที่แล้วเขามีสนใจเราอยู่บ้างหรอ ?
มิน : คิดว่าเขาชื่นชมมาโดยตลอด อย่างเราเป็นสไตล์เพื่อนเราก็จะบริสุทธิ์ใจตลอด เขาก็รู้จักนิสัยมินจริงๆ รู้ทั้งข้อดีและมุมที่เรากำลังเติบโต คือเราในวันนั้นกับเราในวันนี้คนละคนเลย คือเราก็โตขึ้น
เราในวันนั้นเป็นยังไงเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่รู้ว่าเขาจีบแต่เราไม่เลือกเขา ?
มิน : เราก็มีแฟน เขาก็อยู่เคียงข้างตลอด แต่ก่อนเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไร ด้วยความเป็นคนไม่จุกจิกไม่คิดอะไรเยอะ พอเราโตขึ้นเรื่องความรักเราเย็นมากคือเราไม่รีบ เหมือนเราหาคนที่จะใช้ชีวิตคู่แล้ว ที่ตอบโจทย์เราจริงๆ
แล้วคนนี้เขาตอบโจทย์เรายังไง ทำไมจาก 10 ปีที่แล้วไม่ใช่ ทำไมวันนี้ใช่ ?
มิน : คือเนื่องจากเขาไม่เคยจีบเรา ไม่เคยมีปฎิกิริยาที่จีบ
แล้ววันนี้เขาเปลี่ยนไปยังไงเราถึงรู้สึกว่าใช่ ?
มิน : ช่วงที่ข้ามเฟรนด์โซนอันนี้มินเล่าไม่ถูกจริงๆ มันเป็นอะไรที่ยากมากมันมีดีเทลแล้วมินลืมไปหมดแล้ว
มันจะมีเช่นแบบว่าแหย่คำถามกันว่าทำไมยังไม่มีแฟน
ตอนนั้นที่ถามอยากได้คำตอบว่าอะไร ?
มิน : คือเขาสุภาพมากแล้วเป็นคนซัพพอร์ต อบอุ่น เราก็แบบสรุปเขาแค่อบอุ่นกับเราแล้วซัพพอร์ตเราในฐานะเพื่อนหรือว่ามากกว่านั้น หลังๆเราเริ่มคิด
อะไรทำให้เริ่มคิด เพราะถ้าเป็นเพื่อนจะไม่มีประโยคนี้ในหัวเลย ?
มิน : มันไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย เราคุยโทรศัพท์กันแล้วไม่เจอหน้ากันเลยนะ อยู่คนละจังหวัดด้วยบางทีเขาก็อยู่ต่างประเทศ มันไม่ใช่ฟีลที่ไปเดทกันมันเป็นเพื่อนกันมาตลอด เป็นเพื่อนกันมานานเกินไป ไม่ได้คิดอะไรหรือข้ามเส้นกว่านั้นต่างตนต่างก็มีคนอื่นอยู่ ช่วงนั้นที่มินบอกว่าโสดน้ำหนักเหลือ 39 ผอมซุบ พอมินลุกขึ้นยืนได้ก็เริ่มดูแลตัวเองเล่นกับเพื่อนเยอะขึ้น ช่วงโควิดเจอเพื่อนไม่ได้ก็ต้องโทรคุยกัน มันจะมีลิสต์เพื่อนที่จะโทรหาเพราะเราไม่อยากอยู่คนเดียว
คนนี้ต้องโทรคุยทุกวันไหม ?
มิน : ไม่ๆ คนนี้ไม่ได้โทรคุยทุกวันก็จะมีเพื่อนผู้หญิงสลับกันไป
ณ วันนั้นเขาโทรหาเราหรือเราโทรหาเขา
มิน : เขาโทรหาเราเป็นเรื่องที่เราจะสั่งสินค้าของเขา
เขามีคำตอบตกลงชัดเจนไหมว่าเป็นแฟนกันมั้ย ?
มิน : ตอนหลังอ่ะมี ตอนที่ข่าวเริ่มเล่น นักข่าวก็คือพ่อสื่อแม่ชักให้เหมือนกัน จ่อไมค์สัมภาษณ์ไปมาก็เหมือนผสมขึ้นไปเรื่อยๆ
จุดไหนที่เราตัดสินใจคบกับคนคนนี้ในปัจจุบัน
มิน : ความสบายใจ มินว่าพอเราเติบโตขึ้นเรื่องความรัก เราไม่ได้นั่งตามเอาใจใครเหมือนตอนที่เราเด็กๆ ต้องถูกใจเขา เขาอยากให้เราเป็นแบบนี้เรามาปรับตัวเองเพื่อเขา 100% จนสูญเสียความเป็นตัวเอง ในอดีตเราเรียนรู้ว่าเราเผลอทำร้ายตัวเอง เราเปลี่ยนตัวเองจนเราลืมไปว่าเราต้องรักตัวเองก่อน พอเรารักตัวเองเป็นเราจะรักคนอื่นเป็น แล้วเราจะดูแลตัวเองได้ถูกต้อง เขาด้วย พอเราเริ่มรู้ว่าเราชอบอะไร เรารู้สึกว่าเราไม่ได้อยากได้อะไรเลยนอกจากความรักที่บริสุทธิ์ นอกนั้นเราดูแลตัวเองมาตลอดอยู่แล้ว เราแค่ต้องการใครซักคนที่แม้ว่ามินทำธุรกิจแล้วมินอยากคุยมินแค่อยากมีเพื่อนคุยแล้วเขาซัพพอร์ตเรา ไม่ได้ต้องการให้ทำอะไรให้ด้วยนะ เราคุยกับเขาแล้วมีความสุข แล้วที่ผ่านมาเขาทำอย่างนั้นอยู่แล้วแต่อยู่ในอีกบริบทนึง
เขาเติมเต็มมั้ย ?
มิน : ก็เต็มนะ(ยิ้ม)
ตลอดทั้งชีวิตเรารู้อยู่แล้วว่าผู้ชายแบบนี้ สไตล์แบบบนี้ที่ต้องการในชีวิต ?
มิน : นี่คือคำถามก่อนหน้านี้มินไม่รู้ก่อนหน้านี้มินไม่รู้ว่าต้องการอะไร เราแค่ชิลไปเรื่อย เพราะมินเป็นคนชอบทำงาน เคยรับละครปีนึง 5 เรื่อง ไม่มีวันหยุดเลยตลอดทั้งปีก็ทำมาหมดแล้ว จนวันนึงเราไม่ได้ใส่ใจเรื่องความรัก เราก็มีแต่เราไม่รู้ว่ามันคืออะไรไม่ได้นั่งตกผลึกกับมันจริงๆ สรุปแล้วเรามีควารักเพื่ออะไร พอเราเริ่มมีสมดุลในชีวิตมากขึ้นก็เริ่มเห็นความสำคัญของการเลือกคู่ไม่ใช่การเดทไปเรื่อยๆ การเป็นผู้หญิงไม่ได้ชอบเปลี่ยนไปเรื่อยๆอยู่แล้ว คบกับใครก็อยากที่จะมั่นคงกับคนคนนั้น แล้วจริงๆ ในอดีตก็คบยาวทุกคนเลยนะ ก็จริงจัง ตั้งใจทุกครั้ง แต่เราไม่รู้ว่าเราชอบอะไรกันแน่
ไม่ใช่ว่าเขาเป็นสายซัพพอร์ตมินอย่างเดียว มินก็ซัพพอร์ตเขาด้วย เขาเรียกว่าสายเปย์ ?
มิน : อย่าใช้คำว่าเปย์ฟังดูน่ากลัวมากเลย เรียกว่าสายซัพพอร์ตทุกเรื่อง ทุกครั้งที่อยู่ในความสัมพันธ์เราอินกับความรักครั้งนี้มินก็จะซัพพอร์ตในทุกเรื่องอยู่แล้วแล้วใช่แค่กับคนรักกับผู้จัดการ เลขา เราก็ดูแลเราดูแลกันเป็นครอบครัวตลอด ถ้าเรามีคนที่เรารักเราก็อยากให้เราอยากเป็นฟีลผู้ให้ เวลาเราคบใครเขาก็มีฐานะของเขาอยู่แล้ว แต่มินไม่ได้เป็นผู้หญิงที่อยากได้โน่นอยากได้นี่ เราอยากเป็นฟีลที่ว่ารู้สึกว่าเราให้แล้วเราสบายใจ เราไม่ไปเอาอะไรของเขาแต่ถ้าเขาอยากให้จริงๆ วันเกิด โอกาสสำคัญอันนี้รับได้
วันเกิดเขาที่ผ่านมาให้อะไร น่าจะมากกว่า 1 ?
มิน : 10 ชิ้น เลือกเองทุกอย่าง แล้วก็ให้ตั้งแต่ก่อนวันเกิด ก็จะเป็นพวกกลุ่มหุ้น สิ่งของที่จับต้องได้ก็มี เสื้อผ้า มือถือ นาฬิกา รองเท้า หมวก กระเป๋า
ทำไมถึงไม่เปิดหน้า ?
มิน : ไม่ได้ไม่เปิด เปิดตลอด มีในไอจี ลงรูปกลุ่มก็ลงปกติอยู่ในนั้นแหละ ถ้าลง 2 คนให้เขาปรับตัวนิดนึง ค่อยๆให้ทำความเข้าใจชินกับการถูกพูดถึง
แล้ววันนึงจะเปิดไหม ?
มิน : ถ้าวันนึงเจอรูปสวยก็จะลงนะ ที่สำคัญคือรูปมินต้องสวย
ได้ข่าวคุณแม่ก็ปลื้มคนนี้มากด้วย ?
มิน : คือเป็นเพื่อนกันมานานจนคุณแม่ก็รู้จัก คุณแม่รู้จักเพื่อนมินทุกคน แล้วก็รักเพื่อนมินทุกคน
ตอนที่เปลี่ยนจากเพื่อนเป็นแฟนบอกแม่ยังไง ?
มิน : แม่รู้จักอยู่แล้ว จริงๆแม่เชียร์อยู่แล้ว มันจะมีช่วงที่มินอกหักแล้วก็ซึมอยู่บ้านร้องไห้ก็ไปนอนอยู่กับแม่ แม่ก็เห็นเราเศร้า แม่ก็ถามว่าเพื่อนอยู่ไหนบ้าง อีกคนก็อยู่ต่างประเทศอีกคนก็ทำงานหนัก แล้วเพื่อนคนนี้อยู่ไหน เหมือนเขี่ยบอล แต่ตอนนั้นเราเศร้าอยู่
ปีกว่าแล้วคนนี้ใช่ไหม ?
มิน : ก็ใช่นะ (ยิ้ม)
ใช่นี่หมายถึงฝากชีวิตและอนาคตไว้ได้ไหม ?
มิน : ก็ได้นะ (ยิ้ม)
วางแพลนถึงขั้นแต่งงานเลยไหม ?
มิน : อย่าเพิ่งถึงขนาดนั้นเลย ตอนนี้งานยุ่งมากเลยค่ะ บางวันก็นอนตี 5 ยังไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้น
อยากจะบอกอะไรกับเขา ?
มิน : ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างตลอด น่ารักมาก
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
คลิปสัมภาษณ์ มิน พีชญา